ถ้าช่วงนี้หัวใจเรียกร้องธรรมชาติแต่ไม่อยากขับรถเข้าป่าไปไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่มากนัก “อุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้” น่าจะเป็นคำตอบที่ดีมากของทริปนี้ ด้วยความที่ที่นี่ยังไม่แมสเท่ากับอุทยานดังๆ อย่างดอยอินทนนท์หรือออบหลวง ทำให้ยังคงความสงบ บรรยากาศร่มรื่น และอากาศดีแบบไม่ต้องแย่งกันหายใจ เหมาะมากสำหรับคนที่อยากไปชาร์จแบตให้ตัวเอง พร้อมสัมผัสความสวยแบบธรรมชาติแท้ๆ ที่ยังคงความสมบูรณ์เอาไว้ครบถ้วน จะพาไปชมอุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ให้มากขึ้นกัน

ข้อมูลเบื้องต้น
อุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ ตั้งอยู่ที่อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ ห่างจากตัวเมืองประมาณ 50 กิโลเมตร การเดินทางก็ง่ายแบบไม่ต้องลุ้นหลง เปิด Google Maps ปักหมุด “อุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้” ขับตามเส้นทางหลวงหมายเลข 1317 ผ่านแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอย่างน้ำพุร้อนสันกำแพงและหมู่บ้านแม่กำปอง แค่ทางผ่านก็น่าแวะแล้ว ตัวอุทยานมีป้ายบอกชัดเจน หาไม่ยาก มีลานจอดรถและศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอยู่บริเวณทางเข้าเลย ใครมีคำถามสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 053-266550 หรือที่ Facebook: อุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้
แนะนำว่าถ้าใครอยากได้ฟีลชิลล์แบบสุดๆ ลองไปช่วงเช้าหรือเย็น บรรยากาศจะเย็นสบาย มีไอหมอกบางๆ คลอเคลียอยู่ในอากาศ และที่สำคัญ คนไม่เยอะมากเหมือนพวกแลนด์มาร์กยอดฮิต ที่นี่จะมีความเงียบสงบ เหมาะกับการปิกนิก นั่งเล่น หรืออ่านหนังสือริมลำธารเบาๆ มาก
อุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อปี พ.ศ. 2555 ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดลำพูน โดยเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำที่สำคัญของลุ่มน้ำปิง ได้แก่ ห้วยแม่ตะไคร้ ห้วยแม่ออน ห้วยแม่ทา และห้วยแม่กวง ด้วยความที่มีภูเขาสูงสลับซับซ้อน สภาพป่าอุดมสมบูรณ์ ทั้งป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง ป่าดิบชื้น และยังมีป่าสนเขาให้เห็นได้เป็นบางช่วง
นอกจากต้นไม้เขียวขจีตลอดเส้นทางแล้ว ที่นี่ยังมีสัตว์ป่าน้อยใหญ่ เช่น เก้ง หมูป่า กระต่ายป่า และนกหลายชนิด เหมาะสำหรับสายดูนกหรือคนที่อยากเดินป่าแบบเบาๆ ซึ่งจะมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติให้เดินชมพอประมาณ ไม่โหดจนเกินไป เหมาะกับทั้งมือใหม่และนักท่องเที่ยวสายครอบครัว

รีวิวการท่องเที่ยว
วันที่เราไปเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว อากาศกำลังดี ฟ้าโปร่ง มีแดดอ่อนๆ แต่ไม่ร้อนเลย ขับรถจากในเมืองมาประมาณชั่วโมงเดียวก็ถึง ช่วงทางโค้งอาจจะเยอะนิดนึงในบางจุด แต่โดยรวมถือว่าขับง่าย ตัวอุทยานร่มรื่นมากตั้งแต่จอดรถ เปิดประตูรถลงมาคือกลิ่นไม้ กลิ่นดินสดชื่นตีขึ้นมาแบบไม่ต้องพึ่งเครื่องฟอกอากาศ
กิจกรรมที่แนะนำคือการปูเสื่อปิกนิกใต้ต้นไม้ใหญ่ตรงโซนลานกางเต็นท์ หรือเดินเล่นไปตามลำห้วยแม่ตะไคร้ที่ไหลเอื่อยๆ อยู่ไม่ไกลจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว น้ำเย็นใสสะอาดแบบที่เราเอาเท้าแช่แล้วแทบไม่อยากเอาขึ้น มีจุดนั่งพักหลายมุมให้เลือก บางจุดจะมีโต๊ะไม้ที่จัดไว้ให้ พร้อมวิวเขาและเสียงนก เสียงน้ำ คลอไปเรื่อยๆ
ในส่วนของจุดที่ห้ามพลาดคือ “จุดชมวิวดอยผาแดง” ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวอุทยาน ขับขึ้นเขาไปนิดหน่อยจะถึง เป็นมุมที่สามารถมองเห็นแนวเขาซ้อนกันแบบพาโนรามา ถ้าไปช่วงเย็นจะได้เห็นแสงพระอาทิตย์ลอดผ่านกลุ่มเมฆที่สวยมาก ถ้าโชคดีเจอฝนพรำบางๆ ก็จะมีรุ้งกินน้ำลอยอยู่ตรงปลายขอบฟ้า เรียกว่าคุ้มค่าสำหรับคนที่รักธรรมชาติแน่นอน
สรุปเลยว่า อุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการหนีความวุ่นวายมารีเซตตัวเองได้แบบสบายๆ ทั้งกลิ่นอายป่า ความเงียบสงบ และความสดชื่นของธรรมชาติที่ยังบริสุทธิ์ครบถ้วน ใครที่อยากหาที่เงียบๆ แต่ไม่ห่างจากเมืองมาก ลองปักหมุดที่นี่ไว้ในทริปหน้า แล้วจะรู้ว่า ความสุขง่ายๆ บางทีก็แค่ได้ฟังเสียงลำธารท่ามกลางต้นไม้ใหญ่แค่นั้นเอง
แผนที่ อุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้
ชมบรรยากาศเพิ่มเติม