จังหวัดบึงกาฬ น่าจะเป็นหนึ่งในจังหวัดน้องใหม่สุดที่เราคงไม่ได้ไปเที่ยวกันเท่าไรนัก ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่ามันอยู่ไกลจนถึงสุดขอบประเทศเลย ถ้านับจากกรุงเทพก็ถือว่าเป็นระยะทางที่ไกลอยู่ แต่ที่นี่ก็มีจุดท่องเที่ยวหนึ่งที่ถือว่าเป็นอันซีนของจังหวัดแบบที่ว่าหาได้ยากเลย นั่นก็คือ หินสามวาฬ เราไปดูกันว่า หินสามวาฬ ที่ว่ามันสวยแค่ไหน ทำไมใครๆ ถึงไปเที่ยวกัน
ข้อมูลเบื้องต้น
สำหรับ หินสามวาฬ นั้น ตั้งอยู่ที่บ้านนนไทรทอง ตำบลโคกก่อง อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ เปิดให้เข้าชมตั้งแต่เวลา 05.30-17.00 น. เปิดบริการทุกวัน หินสามวาฬจะเป็นการไปดูภูมิประเทศที่เกิดการเปลี่ยนแปลงของหิน ที่เกิดจากการกร่อนลมฝน จนเกิดเป็นหินลักษณะพิเศษ หินกลายเป็นเหมือนปลาวาฬ ซึ่งจะมีหินรูปวาฬทั้งหมดสามก้อนเรียงตัวกัน จนทำให้ถูกเรียกว่า หินวาฬพ่อแม่ลูก เราสามารถไปเที่ยวหินวาฬได้สองก้อนคือส่วนของพ่อ และแม่ ของลูกไม่สามารถเดินเข้าไปได้ แล้วอีกเรื่องที่นักท่องเที่ยวเข้าใจผิดก็คือ เราไม่มีสะพานเชื่อมหินวาฬเอาไว้ หากจะเดินไปดูต้องอ้อมป่าเข้าไปนะ
วิธีการเดินทาง เราแนะนำว่าควรไปเดินทางจากตัวเมืองแล้วไปนอนพักใกล้ๆ กับสถานที่ท่องเที่ยว จะได้ขึ้นไปเที่ยวพร้อมเก็บบรรยากาศตอนเช้าได้เลย แต่ว่าถ้าจะมาจากตัวเมืองตอนเช้า ต้องมาถึงที่หินวาฬก่อน ตีห้าครึ่ง เพื่อจองรถ เส้นทางการขับรถ ตั้งต้นจากตัวจังหวัดบึงกาฬ ให้ขับรถมาตามถนนหมายเลข 212 เพื่อออกนอกเมือง เส้นทางจะลัดเลาะเลียบเคียงมากับแม่น้ำโขง ขับรถไปเรื่อยๆ จนถึงทางแยกไปถนนหมายเลข 3007 ก็ให้เลี้ยวขวาเข้ามาเลี้ยว ขับมาตามทางจะมีป้ายบอกพิกัดเป็นระยะๆ
รีวิวท่องเที่ยว
เราเลือกที่จะเที่ยวหินสามวาฬ ด้วยการเลือกรีสอร์ตพักใกล้ๆ กับที่ท่องเที่ยวเลย กลัวตื่นไม่ทัน แล้วก็จริง พอนอนแปลกที่นอนไม่ค่อยหลับเท่าไร แต่ว่าก็รีบตื่นมาตั้งแต่ตีสี่ เพื่อจัดการตัวเองและไปให้ทันก่อน พอไปถึงก็จริง คนเริ่มเยอะแล้ว จากนั้นก็ไปหาจับกลุ่มกับคนอื่นเพื่อเช่าเหมารถขึ้นไปเที่ยวกัน คันละ 500 บาท ไปกลับ นั่งได้ 10 คน ตกคนละ 50 บาท ถือว่าไม่แพงนะ คนขับรถก็เป็นคนท้องถิ่น ทำให้เราอุ่นใจในการขับขึ้นมา
หลังจากบุกป่าฝ่าดงกันได้สักพัก (เส้นทางขึ้นมาดูออฟโรดมาก คนท้องถิ่นเท่านั้นที่จะพาเราขึ้นมาได้) เราก็จะเห็นป้ายบอกทางไปเที่ยว กันต่อเลย ซึ่งนอกจาก หินสามวาฬ แล้วยังมีที่อื่นด้วย แต่เอาไว้ก่อน เราเดินไปที่หินก้อนแรก ก้อนใหญ่สุด ก่อนจะไปถึงได้ เราจะต้องเดินผ่านป่าเล็กๆ ที่เจ้าหน้าที่เค้าทำทางดินเอาไว้แล้ว พอเดินออกมาก็พอดีแสงอาทิตย์ขึ้น สวยมาก แสงแดดส่องมาที่ก้อนหิน เมฆหมอกจางๆ มองไปไกลๆ เห็นแม่น้ำโขง และพี่น้องจากประเทศเพื่อนบ้าน เป็นอะไรที่สวยมากๆ จริง เราไม่พลาดจะถ่ายเก็บไว้ แต่ว่าถ้าอยากได้มุมสวยๆ ต้องให้เพื่อนอีกคนเสียสละเดินอ้อม ฝ่าป่าไปที่หินวาฬอีกก้อนแล้วถ่ายมาจะสวยกว่า พอถ่ายจนพอใจ พี่คนขับก็พาเรากลับ แต่ก็พาแวะท่องเที่ยวจุดอื่นด้วยประปราย เราถูกใจจุดชมวิวหัวช้าง ที่เป็นเหมือนแท่งหิน เรียงรายกันมากกว่า(ในสายตาของตัวเอง) พอโดนแดดตอนเช้า เลยทำให้มันเด่นชัดขึ้นมา อีกจุดเป็นประตูภูสิงห์ ที่เป็นหินวางใกล้กัน จนทำให้เกิดช่องประตู คล้ายหัวสิงห์ ไม่พลาดจะถ่ายรูป ระหว่างช่องเอาไว้เป็นที่ระลึก จริงๆ พี่เค้ามีจุดแวะให้อีก แต่เราไม่มีเวลาก็เลยได้แต่มองผ่านๆ จากข้างนอก เป็นอีกหนึ่งทริปที่เรามองว่าเป็นอีกหนึ่งอันซีนที่น่าไปเก็บภาพไว้โม้ลูกหลานให้ฟังได้
แผนที่ หินสามวาฬ
ชมบรรยากาศเพิ่มเติม
